มารู้จักกับเสาวรสกันเถอะ Passion Fruit หรือเรียกอีกอย่างว่า กระทกรก มีประโยชน์มากมาย



ปลูก ปี2560 ตอน 1[ปลูก]

ปีนี้ เริ่มปลูกใหม่ ผมเลือก พันธุ์ ไทยนุ เป็นพันธุ์สำหรับทานสด ผลมีสีม่วง รสหอมหวานกว่าพันธุ์สีเหลือง ส่วนใหญ่ในพื้นที่เขาปลูกแบบ พันธุ์ที่ส่งโรงงานกัน เพราะ กล้า ถูกกว่ามาก และเพาะเองจากเมล็ด ให้ผล ดกลูกใหญ่ และดูแลง่ายกว่า ผลสุก มีสีเปลือกสี เหลือง แต่รสเปรี้ยวอมหวาน (เปรี้ยวมากกว่า)ราคาถูกกว่า ..ที่เลือกพันธุ์ไทยนุสีม่วงเพราะ คิดว่าจะไว้ทานสด และราคาดีกว่า



ตอนนี้ วันที่ 20 มกราคม 2560
ลงที่ 150 กล้า ใช้พื้นที่ 1 ไร่ 2 งาน ( 1ไร่ ปลูก 100ต้น ) ระยะห่าง 3×3 ม. เป็นกิ่งพันธุ์แบบ เสียบยอด หลังจากไถ่และทำร่องแปลงให้ระบายน้ำแล้วก็ขุดเตรียมหลุมและ ปุ๋ยคอก รองก้นหลุมด้วย.







.ผมใช้ดินคลุกกับปุ๋ย อินทร์ทรีแบบเม็ดเนื่องจากหาปุ๋ยคอกยากปลูกแล้วรดน้ำอาทิตย์ละ สอง ม- สามครั้ง ...แล้วมาดูกันต่อไปนะครับ...

ชื่อ : เสาวรส, กะทกรก, แพสชั่นฟรุต
ชื่อสามัญ : Granadilla,Purple Granadilla, Passion Fruit
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Passiflora edulis Sims.
วงศ์ : PASSIFLORACEAE

ลักษณะทั่วไปของสาวรส




เสาวรสหรือแพสชั่นฟรุต (กะทกรก) เป็นไม้เลื้อยเ นื้อแข็ง ขนาดเล็ก อายุหลายปี อาจ ปลูกเป็นไม้ริมรั้วหรือ ทำค้าง หรือซุ้มให้เลื้อยพันก็ได้ แพสชั่นฟรุตไม่เกี่ยงขอเพียงให้มีที่เลื้อยพัน คราวนี้ก็ผลิดอกออกผลกันได้ทั้งปีไม่มีหยุด
ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเวียนสลับ เป็นพู 3 พู ปลายพูแหลม โคนใบมน ขอบใบเป็นจัก แผ่นใบสีเขียวอ่อน ดอกเป็นดอกเดี่ยวเส้นผ่าศูนย์กลางดอก 6-8 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงและกลีบดอกสีขาวหรือสีเขียว กลีบรูปรี มีรยางค์เรียงเป็นวง สีขาวปลายม่วง มีดอกตลอดปี
ลรูปร่างกลมหรือรี ผิวเป็นมัน มีเมล็ดสีดำจำนวนมาก เนื้อหุ้มเมล็ดรสเปรี้ยวอมหวาน มีกลิ่นหอม
จะเลือกปลูกชนิดใดไว้ในบ้านก็แล้วแต่ แต่โดยทั่วไปเสาวรสพันธุ์สีเหลืองมักทนทานต่อโรคและต่อสภาพภูมิอากาศได้ดีกว่า และจากที่เห็นเป็นพืชที่ปลูกอยู่ตามบ้
านของชาวออสซี่ จึงน่าจะปลูกในบ้านเราในฐานะของไม้ผลและไม้ประดับสวนได้ด้วย กิ่งพันธุ์ตอนนี้มีแพร่หลายทั่วไปตามตลาดต้นไม้
วงศ์วานเครือญาติของแพสชั่นฟรุตนั้นเป็นไม้ประดับก็
หลาย ชนิด ทั้งเถาศรีมาลาดอกแดง สร้อยไพลินและสร้อยฟ้าดอกม่วง อีกทั้งยังมีกะทกรกไทย ที่เพลินใจขึ้นอยู่ตามที่รกร้างว่างเปล่าและชายป่าเหมือนอายว่ามีดอกสวย ใครอยากชมก็ต้องลงแรงไปดูเอง กะทกรกไ
ทยนั้นผลจะกลมกว่า ดอกเล็กกว่า แม้ผลจะมีรสหวาน แต่ก็ไม่ค่อยมีใครนิยมรับประทาน
เสาวรสสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเขตอากาศเย็นทางภาคเหนือ หรือเขตอากาศร้อนชื้นทางภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ซึ่งเป็นพืชที่ปลูกได้ง่าย การดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก แต่ให้ผลผลิตต่อไร่สูง จึงเป็นพืชที่สามารถทำรายได้ให้แก่เกษตรกรได้ดี ประกอบกับตลาดต่างประเทศมีความต้องการสูง โดยพันธุ์ที่นิยมปลูกกันมากในประเทศไทย มี 3 พันธุ์ คือ





1. พันธุ์ผลสีม่วง




เมื่อผลสุกจะมีสีม่วงเข้มผิวเป็นมัน น้ำจาก พันธุ์ผลสีม่วง มีรสชาติดีกว่าพันธุ์ผลสีเหลือง มีกรดต่ำสีสวยและหวาน จึงเหมาะสำหรับรับประทาน ผลสด ข้อเสียของพันธุ์นี้คือ ค่อนข้างจะอ่อนแอต่อโรค

2. พันธุ์ผลสีเหลือง



เมื่อผลสุกจะมีสีเหลืองขมิ้น ผิวเป็นมัน น้ำคั้นของพันธุ์นี้ มีกรดมาก ซึ่งมี pH ต่ำกว่า 3 เหมาะสำหรับส่งเข้าโรงงานเพื่อแปรรูปมากกว่าการ รับประทานผลสด ข้อดีของพันธุ์นี้คือ ให้ผลดก และมีความต้านทานโรคและแมลงสูงกว่าพันธุ์ผลสีม่วง มีการปลูกมากในจังหวัดชุมพร


3. พันธุ์ลูกผสม
เป็นพันธุ์ที่เกิดจากการผสมระหว่างพันธุ์ผลสีม่วงกับพันธุ์ผลสีเหลือง เพื่อคัดเลือกต้นพันธุ์ใหม่ ที่รวมลักษณะผลที่เด่นของแต่ละพันธุ์ไว้ ทำให้มีลักษณะผลใหญ่ ให้ผลดก มีรกห่อหุ้ม เมล็ดมาก เปลือกบาง ต้านทานโรค และมีช่วงเวลาในการให้ผลที่ยาวนาน พันธุ์นี้จะให้ทั้งผลที่มีสีม่วงและผลสีเหลือง พันธุ์ลูกผสมนี้เหมาะสำหรับปลูกเพื่ออุตสาหกรรมการทำน้ำเสาวรส เพราะสามารถเก็บผลผลิตป้อนเข้าโรงงานได้ตลอดทั้งปี

ภาพ:Sawarosdang_5.jpg

ถิ่นกำเนิด



มารู้จักเสาวรสหรือแพสชั่นฟรุตกันอีกเล็กน้อย เสาวรสนี้มีกำเนิดมาจากดินแดนบราซิล และแถบอเมริกาใต้ เป็น ผลไม้ที่ปลูกกันทั้งใจเขตร้อนและเขตอบอุ่น โดยทั่วไปแพสชั่นฟรุตมีสองชนิด คือชนิดที่ผลสีม่วงและผลสีเหลือง ผลสีม่วงเป็นพันธุ์ที่เติบโตได้ดีในเขตอบอุ่นและบนพื้นที่สูงมากกว่า 1,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลหรือเขตหนาย ส่วนพันธุ์สีเหลืองปลูกได้ทั่วไปทั้งในเขตร้อนและอบอุ่น ว่ากันเรื่องรสชาติ พันธุ์สีม่วงรสชาติออกหวาน และหอมกว่าชนิดสีเหลือง แต่คุณต่าทางอาหารแทบไม่ต่างกัน ในเมืองไทยปลูกได้ทั้งสองชนิด ขึ้นอยู่กับภูมิประเทศและสภาพอากาศ
เสาวรส เป็นไม้เลื้อยกินได้ที่ดอกสวยและดก หากมีใครบางคนที่ไม่ชมชอบรสชาติของผล ลองปลูกชมดอกประดับสวนก็ยังได้


การใช้ประโยชน์ของเสาวรส
1. เนื้อในหรือรกที่หุ้มเมล็ดของผลเสาวรส ใช้รับประทานสดได้ โดยผ่าผลแล้วเติมน้ำตาลทรายเพียงเล็กน้อยก็สามารถรับประทานได้ทั้งเมล็ดเลย หรือจะนำไปทำเป็นแยมผลไม้ก็ได้
2. เปลือกและเนื้อส่วนนอก สามารถนำไปหมักทำเป็นอาหารสัตว์และปุ๋ยหมักได้
3. น้ำคั้นจากเนื้อซึ่งส่วนนี้มีกลิ่นหอมและ มีกรดมาก ใช้ผสมเป็นเครื่องดื่ม หรือใช้ผสมกับน้ำผลไม้ชนิดอื่น เช่น น้ำแอปเปิ้ลน้ำส้ม น้ำสัปปะรด น้ำพีช เป็นต้น โดยอัตราการผสมน้ำเสาวรส ประมาณ 5 หรือ 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติที่ดีซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ เพราะนอกจากทำให้เครื่องดื่มมีกลิ่นและรสชาติที่ดีขึ้นแล้ว ยังมีคุณค่าทางอาหารสูงอีกด้วย และน้ำเสาวรสยังสามารถนำไปใช้แต่งกลิ่นและรสชาติของไอศกรีม ขนมเค้ก เยลลี่ เชอร์เบท พาย ลูกกวาด และไวน์

คุณค่าทางโภชนาการ
เสาวรสต้องล้างเปลือกให้สะอาดก่อนกิน ผ่าครึ่งผลตามขวาง ตักเนื้อและเมล็ดกินกันสดๆ อีกวิธีคือ เมื่อผ่าครึ่งผลแล้วให้ตักน้ำผึ้งใส่ แล้วตักกิน เสาวรสนิยมนำมาทำเป็นน้ำผลไม้สีเหลือง รสเปรี้ยว กลิ่นหอม ดื่มกันมากกว่ากินสด เสาวรสขนาดกลาง 1 ผลให้คุณค่าสารอาหารดังนี้ แคลเซียม 2 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 12 มิลลิกรัม เหล็ก 0.3 มิลลิกรัม โซเดียม 5 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 63มิลลิกรัม วิตามินเอ 130 I.U. วิตามินซี 5 มิลลิกรัม และแมกนีเซียม 5 มิลลิกรัม

ส่วนประกอบทางเคมีของน้ำเสาวรส ประกอบด้วยน้ำประมาณ 76-85% ของแข็งที่ละลายได้ประมาณ 17.4% คาร์โบไฮเดรตประมาณ 12.4% กรดอินทรีย์ประมาณ 3.4% นอกจากนั้นมีแคโรทีนอยด์ สารประกอบไนโตรเจน สารประกอบที่ให้กลิ่น วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ รวมทั้งเอนไซม์ ซึ่งมีข้อมูลแสดงสารอาหารดังนี้
ตารางที่ 1 Nutritional Information (1fl oz)
Calories (kcal)
15
Fiber
0.1 g
Energy (kj)
62
Sugars
4.1 g
Protein
0.1 g
Sodium
1.9 g
Carbohydrate
4.2 g
Fats
0 g
จากการที่เสาวรสมีวิตามินเอค่อนข้างสูง โดยเฉพาะสารแคโรทีนอยด์ จึงช่วยบำรุงสายตา และผิวพรรณ จากการศึกษาพบว่ามีวิตามินซีค่อนข้างสูง คือ 39.1 mg/100 g ของน้ำเสาวรส ซึ่งมากกว่าที่พบในมะนาวและพบสาร albumin-homologousprotein จากเมล็ดของผลเสาวรส ซึ่งสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ และยังมีสรรพคุณ ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ลดไขมันในเส้นเลือด กำจัดสารพิษในเลือด บำรุงผิวพรรณ และช่วยฟื้นฟูตับและไตที่อ่อนแอ แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องน้ำตาลในเลือดไม่ควรดื่มมาก เพราะน้ำเสาวรสมีน้ำตาลอยู่ในปริมาณสูง

เสาวรสเป็นผลไม้ที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ แต่ในประเทศไทยกลับไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ทั้งๆ ที่เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ค่อนข้างสูง และใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง แถมยังเป็นพืชที่ปลูกได้ง่าย ให้ผลผลิตต่อไร่สูง ประกอบกับตลาดต่างประเทศมีความต้องการสูง สามารถทำรายได้ให้แก่เกษตรกรได้ดี ดังนั้นทั้ง จึงอยากให้ภาครัฐบาลและเอกชนทำการส่งเสริมการปลูก การแปรรูปผลิตภัณฑ์ ให้เป็นไม้ผลเศรษฐกิจ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ ผลไม้ชนิดนี้ให้รู้จักกันอย่างแพร่หลายในประเทศไทยและเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้ประกอบอาชีพภายในถิ่นกำเนิดเองด้วย